blog น่าสนใจล่าสุด

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552

"ไบลธ์ อะ วันเดอร์ เวิลด์"

สยามพารากอน เอาใจคนรักตุ๊กตาไบลธ์ จัดงาน

"ไบลธ์ อะ วันเดอร์ เวิลด์"

นิทรรศการตุ๊กตาไบลธ์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย


สยามพารากอน ร่วมกับ ครอส เวิร์ลด์ คอนเนคชั่น (CWC) ประเทศญี่ปุ่น ผู้ถือลิขสิทธิ์ และผู้ผลิต ตุ๊กตาไบลธ์ , มายด์ทริกเกอร์ (Mindtrigger) เจ้าของผลงานไบลธ์ที่คว้ารางวัลการตกแต่งระดับนานาชาติ, จูนี่ มูน (Junie Moom) บูติกจำหน่ายไบลธ์ยอดฮิต และ คิวคอนเซ็พท์สโตร์ (Qconceptstore) ร้านจำหน่ายตุ๊กตาไบลธ์อย่างเป็นทางการ (Official Blythe Shop)

จัดนิทรรศการ "ไบลธ์ อะ วันเดอร์ เวิลด์" งานฉลองครบรอบ 7 ปี ตุ๊กตาไบลธ์ (Blythe A Wonder World:7th Anniversary Charity Exhibition at Siam Paragon) นิทรรศการตุ๊กตาไบลธ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ขนขบวนตุ๊กตาสาวน้อยยอดฮิตที่สาวๆ ทั่วโลกหลงรัก ด้วยคอลเลคชั่นพิเศษกว่า 50 ตัว นำมาจัดแสดง ในวันที่ 5-15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ ฮอลล์ ออฟ มิเรอร์ ชั้น M สยามพารากอน

นิทรรศการ “ไบลธ์ อะ วันเดอร์ เวิลด์” ถือเป็นการจัดแสดงตุ๊กตาไบลธ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย โดยรวบรวมตุ๊กตาไบลธ์คอลเลคชั่นพิเศษกว่า 50 ตัว ซึ่งมีทั้งตุ๊กตาฝีมือกลุ่มนักออกแบบไทยที่คว้ารางวัลการประกวดออกแบบตกแต่งและดัดแปลงไบลธ์ระดับนานาชาติ รวมถึงผลงานน่ารักๆที่ชนะการประกวด พิเศษสุดกับตุ๊กตาที่ออกแบบโดยแฟชั่น ดีไซเนอร์ไทยระดับแนวหน้า และตุ๊กตาที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิทานหลากหลายเรื่อง

ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเปิดงานยังได้จัดแฟชั่นโชว์คอสเพลย์แต่งตัวเหมือนตุ๊กตาไบลธ์โดย 6 เซเลบริตี้รุ่นเยาว์ แฟนคลับตัวยงของไบลธ์ ที่จะมาอวดความน่ารักบนแคทวอล์ก ได้แก่ น้องจ้า-ลูกสาวของอัจฉรา อัมพุช, น้องแจแปน-ลูกสาวของพัณณ์ชยา สิทธิ์เศรษฐกุล, น้องบิ๊ม-ลูกสาวของสิทธิ์ลดา สิมะเสถียร, น้องหนูนวล-ลูกสาวของเพ็ญสุภา คชเสนี, น้องพริสซี่-ลูกสาวของรมณีย์ เธียรประสิทธิ์ และน้องเบสท์-ลูกสาวของนงนุช แก้วมงคล
ผลงานสร้างสรรค์ของรินนา คลานุวัฒน์ ทาริน คลานุวัฒน์ และ อโณทัย ณ พัทลุง สามสาวไทยสุดครีเอทีฟจาก ทีมมายด์ทริกเกอร์ (Mindtrigger) ซึ่งเป็นทีมไทยเพียงทีมเดียวที่คว้า 2 รางวัลการประกวดออกแบบ Blythe the Beauty Contest การประกวดตกแต่งดัดแปลงตุ๊กตาไบลธ์ระดับนานาชาติในประเทศญี่ปุ่นถึง 2 ปีซ้อน

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

เสื้อแซกลายตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) ช่วงนี้ต้องยกให้น้องบลายธ์ Hot สุดๆ ค่ะ

เสื้อแซกลายตุ๊กบลายธ์ (Blythe) ผ้า Cotton 100% เนื้อผ้าอย่างดี สีสันสดใสใส่สบาย น่ารักม๊ากๆ ค่ะ เป็นเสื้อยาว ใส่เป็นแซกก็น่ารัก หรือใส่กับกางเกงขาสั้น ขายาว ก็น่ารักไม่แพ้กันค่ะ




วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

เรื่องเล่า ต้นกำเนิดตุ๊กตาหมี ค่ะ

Teddy Bear

ต้นกำเนิดเทดดี้แบร์ (Teddy Bear)มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเทดดี้แบร์จาก 2 แหล่งคือ เยอรมัน และ สหรัฐอเมริกา ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณปี ค.ศ 1902

เรื่องเล่าของเยอรมันที่เยอรมัน

ปี ค.ศ. 1902 Richard Steiff ซึ่งเป็นนักออกแบบของเล่นของโรงงานทำของเล่นของครอบครัวเขาเอง ได้เดินทางไปดูการแสดงละครสัตว์ที่อเมริกา เพื่อหาไอเดียในการออกแบบของเล่นชิ้นใหม่ และเขาก็เกิดความคิด ในการนำเอาหมีในคณะละครสัตว์มาเป็นแบบในการผลิตตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบจะมีข้อต่อตามจุดต่างๆ ได้แก่ คอ แขน และขา ทำให้เราสามารถเปลี่ยนอิริยาบทของมันได้เหมือนหมีจริง ซึ่งต่างจากตุ๊กตาหมีที่มีอยู่ในขณะนั้น Richard Steiff ได้นำตุ๊กตาหมี
ที่เขาออกแบบไปแสดงในงานแสดงสินค้าที่ Leipzig ในปี ค.ศ. 1903 แต่เขาก็ต้องผิดหวัง ที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจตุ๊กตาหมีของเขาเลย จนกระทั่งในขณะที่เขากำลังเก็บของในวันสุดท้ายของงานแสดงสินค้า ผู้ชมงานชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เข้ามาหยิบดูตุ๊กตาหมีของเขา และสั่งซื้อในปริมาณมาก และนี่คือต้นกำเนิดที่ทำให้ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ

เรื่องเล่าของอเมริกา

ในปี ค.ศ. 1902 ที่อเมริกา ประธานาธิบดีชื่อTheodore 'Teddy' Roosevelt ได้เดินทางไปที่ Mississippi เพื่อเจรจายุติกรณีพิพาทเกี่ยวกับอาณาเขต ในวันหนึ่งท่านได้ออกไปล่าสัตว์ หลายชั่วโมงผ่านไป ท่านก็ยังล่าสัตว์ไม่ได้สักตัวเดียว ราชองครักษ์ของท่านที่ตามไปด้วยพบลูกหมีตัวหนึ่งพลัดหลงมา จึงจับลูกหมีตัวนั้นผูกกับต้นไม้ไว้ และตามประธานาธิบดีให้มาดูเพื่อมอบให้ แต่ประธานาธิบดีกลับปล่อยลูกหมีตัวนั้นให้เป็นอิสระไป ข่าวของประธานาธิบดีปล่อยลูกหมีเป็นอิสระดังกระฉ่อนไปทั่ว แม้แต่ Clifford Berryman ซึ่งเป็นนักเขียนการ์ตูนของหนังสือพิมพ์การเมือง ก็ยังนำเรื่องดังกล่าวไปเขียนเป็นการ์ตูนลงในหนังสือพิมพ์การเมือง และการ์ตูนนี่เองไปจุดประกายความคิดของ Morris Michtom ให้ออกแบบ และผลิตตุ๊กตาหมีที่มีข้อต่อ Morris Michtom นำตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบมาวางจำหน่ายที่ร้านของเขาเอง โดยตั้งโชว์ที่หน้าร้าน พร้อมภาพการ์ตูนที่เขียนโดย Clifford Berryman และป้ายแสดงข้อความว่า "Teddy' s Bear" ผลปรากฎว่า ตุ๊กตาหมีของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จากนั้นเพียงปีเดียว Morris Michtom ได้ปิดร้านของเขาและจัดตั้งบริษัท Ideal Novelty and Toy ขึ้น เพื่อรองรับธุรกิจนี้ ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ติดอันดับยักษ์ใหญ่ทางด้านของเล่นของโลกในปัจจุบัน


วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552

ตุ๊กตาบลายธ์ ของเล่น ชิ้นใหม่ดารา

ฮอตฮิตกันเหลือเกินในหมู่ดารา สำหรับ "ตุ๊กตาบลายธ์" (Blythe)ตุ๊กตาหัวใหญ่ ตัวเล็ก ตาโต ขนตาเด้ ที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้า คอนแทคเลนส์ ใส่วิกผม ทำผม แต่งหน้า ที่สำคัญสามารถโมดิฟายด์หรือตกแต่งใบหน้าให้เหมือนเจ้าของตุ๊กตาได้ด้วย และอย่าแปลกใจถ้าตอนนี้สาวๆ ผู้นิยมเล่นบลายธ์จะกระเตงเจ้าตุ๊กตาที่ว่านี้ไปไหนมาไหนเพื่อถ่ายรูปด้วย


ประวัติตุ๊กตา Blythe (บลายธ์)

"Blythe"(บลายธ์) คือตุ๊กตาวินเทจที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดย Kenner โรงงานผลิตของเล่นในอเมริกา ที่ต้องการสร้างตุ๊กตาให้ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปด้วยโมเดลตุ๊กตา 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye พร้อมแฟชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด โดดเด่นด้วยดวงตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ 4 สี เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่มันกลับเป็นตุ๊กตาที่เด็ก หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บลายธ์ไม่เป็นที่นิยม จนต้องปิดตัวลงหลังวางขายได้เพียง 1 ปี

30 ปีต่อมา จากสินค้าค้างสต๊อกกลับเป็นตุ๊กตาหายากที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม หลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน) ได้มอบตุ๊กตาเป็นของขวัญ เธอก็ตกหลุมรักมัน เริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบจนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ This is Blythe รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001


หลังจากที่ Hasbro ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้บริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและกลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาทีวีให้กับห้างดัง Parco จนกลายเป็นกระแส Blythe ฟีเวอร์ ได้รับความสนใจจากคในแวดวงแฟชั่น มีการระดมสุดยอดดีไซเนอร์มาร่วมออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้เหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว

และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้โดดเด่นขึ้นด้วขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมชื่อใหม่ "Neo Blythe" และนับแต่นั้นมาก็มีคอลเลกชั่นต่างๆ ของ Neo Blythes ขึ้นมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่ "Petite Blythe" ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว ปิดท้ายด้วย Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลองและย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้ว